วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเกษตร

                                                                           ข้าว

มันสำปะหลัง

                                                                       อ้อย


                                                                  กุ้งก้ามกราม

                                                                   ยางพารา


หน่วยการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค

การปกครองแบ่งออกเป็น 18 อำเภอ 135 ตำบล 1584 หมู่บ้าน
  1. อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
  2. อำเภอนามน
  3. อำเภอกมลาไสย
  4. อำเภอร่องคำ
  5. อำเภอกุฉินารายณ์
  6. อำเภอเขาวง
  7. อำเภอยางตลาด
  8. อำเภอห้วยเม็ก
  9. อำเภอสหัสขันธ์
  10. อำเภอคำม่วง
  11. อำเภอท่าคันโท
  12. อำเภอหนองกุงศรี
  13. อำเภอสมเด็จ
  14. อำเภอห้วยผึ้ง
  15. อำเภอสามชัย
  16. อำเภอนาคู
  17. อำเภอดอนจาน
  18. อำเภอฆ้องชัย
  

การปกครองส่วนท้องถิ่น

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 151 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 2 แห่ง และเทศบาลตำบล 67 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 81 แห่ง มีรายชื่อดังนี้
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์
อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
  • เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
  • เทศบาลตำบลกลางหมื่น
  • เทศบาลตำบลขมิ้น
  • เทศบาลตำบลเชียงเครือ
  • เทศบาลตำบลนาจารย์
  • เทศบาลตำบลบึงวิชัย
  • เทศบาลตำบลไผ่
  • เทศบาลตำบลโพนทอง
  • เทศบาลตำบลภูดิน
  • เทศบาลตำบลภูปอ
  • เทศบาลตำบลลำคลอง
  • เทศบาลตำบลลำพาน
  • เทศบาลตำบลหนองสอ
  • เทศบาลตำบลหลุบ
  • เทศบาลตำบลห้วยโพธิ์
  • เทศบาลตำบลเหนือ
อำเภอกุฉินารายณ์
  • เทศบาลเมืองบัวขาว
  • เทศบาลตำบลกุดหว้า
  • เทศบาลตำบลจุมจัง
  • เทศบาลตำบลนาขาม
  • เทศบาลตำบลเหล่าใหญ่
อำเภอกมลาไสย
  • เทศบาลตำบลกมลาไสย
  • เทศบาลตำบลดงลิง
  • เทศบาลตำบลธัญญา
  • เทศบาลตำบลหนองแปน
  • เทศบาลตำบลหลักเมือง
อำเภอเขาวง
  • เทศบาลตำบลกุดสิม
  • เทศบาลตำบลกุดสิมคุ้มใหม่
  • เทศบาลตำบลสงเปลือย
  • เทศบาลตำบลสระพังทอง
อำเภอคำม่วง
  • เทศบาลตำบลคำม่วง
  • เทศบาลตำบลนาทัน
  • เทศบาลตำบลโพน
อำเภอฆ้องชัย
  • เทศบาลตำบลฆ้องชัยพัฒนา
อำเภอดอนจาน
  • เทศบาลตำบลดอนจาน
  • เทศบาลตำบลม่วงนา
อำเภอท่าคันโท
  • เทศบาลตำบลท่าคันโท
  • เทศบาลตำบลนาตาล
  • เทศบาลตำบลดงสมบูรณ์
  • เทศบาลตำบลกุงเก่า
  • เทศบาลตำบลกุดจิก
อำเภอนาคู
  • เทศบาลตำบลนาคู
  • เทศบาลตำบลภูแล่นช้าง
อำเภอนามน
  • เทศบาลตำบลนามน
  • เทศบาลตำบลสงเปลือย
อำเภอยางตลาด
  • เทศบาลตำบลยางตลาด
  • เทศบาลตำบลเขาพระนอน
  • เทศบาลตำบลโคกศรี
  • เทศบาลตำบลโนนสูง
  • เทศบาลตำบลบัวบาน
  • เทศบาลตำบลหัวนาคำ
  • เทศบาลตำบลอิตื้อ
  • เทศบาลตำบลอุ่มเม่า
อำเภอร่องคำ
  • เทศบาลตำบลร่องคำ
อำเภอสมเด็จ
  • เทศบาลตำบลสมเด็จ
  • เทศบาลตำบลแซงบาดาล
  • เทศบาลตำบลผาเสวย
  • เทศบาลตำบลมหาไชย
  • เทศบาลตำบลลำห้วยหลัว
อำเภอสหัสขันธ์
  • เทศบาลตำบลนามะเขือ
  • เทศบาลตำบลนิคม
  • เทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง
  • เทศบาลตำบลโนนบุรี
  • เทศบาลตำบลโนนศิลา
  • เทศบาลตำบลภูสิงห์
อำเภอหนองกุงศรี
  • เทศบาลตำบลหนองกุงศรี
  • เทศบาลตำบลคำก้าว
  • เทศบาลตำบลดงมูล
  • เทศบาลตำบลหนองบัว
  • เทศบาลตำบลหนองสรวง
  • เทศบาลตำบลหนองหิน
  • เทศบาลตำบลหนองใหญ่
อำเภอห้วยผึ้ง
  • เทศบาลตำบลห้วยผึ้ง
  • เทศบาลตำบลคำบง
  • เทศบาลตำบลหนองอีบุตร
อำเภอห้วยเม็ก
  • เทศบาลตำบลห้วยเม็ก
  • เทศบาลตำบลคำเหมือดแก้ว
  • เทศบาลตำบลคำใหญ่
  • เทศบาลตำบลท่าลาดดงยาง






ประชากรในจังหวัด

      หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
      หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

อันดับ
(ปีล่าสุด)
อำเภอในจังหวัดกาฬสินธุ์สิงหาคม พ.ศ. 2558พ.ศ. 2557พ.ศ. 2556พ.ศ. 2555พ.ศ. 2554พ.ศ. 2553พ.ศ. 2552พ.ศ. 2551
1เมืองกาฬสินธุ์146,192146,355146,394146,546146,120146,643146,287146,166
2ยางตลาด129,403129,563129,790130,123129,806129,718129,302129,022
3กุฉินารายณ์101,481101,399101,398101,490101,169101,493101,410101,184
4กมลาไสย69,76369,85869,94470,25370,01869,94669,70069,475
5หนองกุงศรี66,72666,76466,59566,67566,35266,20465,95965,671
6สมเด็จ62,34762,31762,17062,04561,89461,92861,82962,117
7ห้วยเม็ก51,21551,20351,03051,02550,73450,60550,43550,270
8คำม่วง48,75348,72848,57248,63648,42148,37748,17648,033
9สหัสขันธ์42,80042,78342,61642,62142,38642,27542,06941,879
10ท่าคันโท37,75637,73437,58337,58837,50037,54237,37637,214
11นามน36,61536,25536,04135,96835,79635,88735,75035,584
12เขาวง34,60934,69834,84734,95634,91235,11035,13835,035
13นาคู31,33531,36531,34031,37831,30131,43131,51331,515
14ห้วยผึ้ง30,59630,64230,59430,66630,51230,65130,66730,608
15ฆ้องชัย27,12027,18327,24627,28827,19927,22527,16827,132
16ดอนจาน25,88125,88825,78425,82325,73825,74325,69625,720
17สามชัย25,65525,65625,60725,51325,40325,37425,29225,622
18ร่องคำ16,46216,51616,47916,49016,39416,42616,39116,336
รวม984,709984,907984,030985,084981,655982,578980,158978,583

บุคคลที่มีชื่อเสียง

เจ้าเมืองสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

  1. พระยาชัยสุนทร (เจ้าโสมพะมิต)เจ้าเมืองกาฬสินธุ์องค์ที่ 1
  2. พระยาชัยสุนทร (เก ณ กาฬสินธุ์) เป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์องค์ที่ 11
  3. พระธิเบศรวงศา (กอ) เจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์ คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
  4. พระราษฏรบริหาร (เกษ) เจ้าเมืองกระมาลาไสย (กมลาไสย) คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
  5. พระพิชัยอุดมเดช เจ้าเมืองภูแล่นช้าง คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
  6. พระสุวรรณภักดี เจ้าเมืองท่าขอนยาง คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
  7. พระศรีสุวรรณ เจ้าเมืองแซงบาดาล คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
  8. พระประชาชนบาล เจ้าเมืองหัสขันธ์ คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
  9. พระปทุมวิเศษ เจ้าเมืองกันทรวิชัย คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์

อุทยาน

  1. จังหวัดกาฬสินธุ์มีพื่นที่ป่าทั้งหมดประมาณ ๑,๑๕๐,๐๐๐ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๒๗ ของพื่นที่ในจังหวัด
  2. อุทยานแห่งชาติภูพาน ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของป่าสงวน ฯ ป่าแก้งกะอาม และบางส่วนของป่าดงห้วยผา อยู่ในเขตอำเภอสมเด็จ และอำเภอห้วยผึ้ง มีพื้นที่ในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ ๕๗,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นอุทยาน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และปี พ.ศ. ๒๕๒๕
  3. อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก ครอบคลุมพื้นที่ อ.คำม่วง อ.สมเด็จ บางส่วน
  4. วนอุทยานภูพระ อยู่ในตำบลนาตาล อำเภอท่าคันโท มีพื้นที่ประมาณ ๖,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงมูล
  5. วนอุทยานภูแฝก อยู่ที่บ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง กิ่งอำเภอนาคู มีพื้นที่ประมาณ ๔,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงห้วยผา
  6. วนอุทยานภูผาวัว อยู่ในตำบลกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ ๔,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงด่านแย้
  7. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ และอำเภอเขาวง มีพื้นที่ประมาณ ๒๘,๐๐๐ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวน ฯ ป่าดงด่านแย้ และป่าตอห่ม
  8. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาว อยู่ในเขตอำเภอสหัสขันธ์ อำเภอหนองกุงศรี อำเภอท่าคันโท และอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ไร่เศษ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่น้ำของเขื่อนลำปาว
  9. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าผาน้ำทิพย์ อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ ๓,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงบังอี แปลงที่ ๒
  10. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงระแนง อยู่ในเขตอำเภอยาวตลาด และอำเภอห้วยเม็ก มีพื้นที่ประมาณ ๖๙,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙
  11. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงแม่แฝด อยู่ในเขตอำเภอนามน อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอกุฉินารายณ์และอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ ๑๑๙,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔
  12. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่แปลงที่ ๑ อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ ๑๒,๐๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑
  13. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู อยู่ในเขตอำเภอเขาวง และอำเภอนาดู มีพื้นที่ประมาณ ๘๘,๐๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘
  14. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงห้วยผา อยู่ในเขตอำเภอห้วยผึ้ง และกิ่งอำเภอนาดู มีพื้นที่ประมาณ ๑๑๐,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘
  15. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่านาจาร - ดงขวาง อยู่ในเขตอำเภอสมเด็จ อำเภอสหัสขันธ์ และอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ ๓๗,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖
  16. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าโคกกลางหมื่น อยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙
  17. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงนามน อยู่ในเขตอำเภอกมลาไสย อำเภอร่องคำ และอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ ๑๒,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙
  18. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากังกะอวม อยู่ในเขตอำเภอสมเด็จ มีพื้นที่ประมาณ ๘๘,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙
  19. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงด่านแย้ อยู่ในเขตอำเภอคำม่วง กิ่งอำเภอสามชัย และอำเภอเขาวง มีพื้นที่ประมาณ ๗๖,๕๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐
  20. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูพาน อยู่ในเขตอำเภอคำม่วง กิ่งอำเภอสามชัย และอำเภอสมเด็จ มีพื้นที่ประมาณ ๒๑๕,๐๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑
  21. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงมูล อยู่ในเขตอำเภอห้วยเม็ก อำเภอหนองกุงศรี และอำเภอท่าคันโท มีพื้นที่ประมาณ ๒๕๙,๐๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘
  22. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่ แปลงที่ ๒ อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ ๓,๐๐๐ ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗
  23. สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่า มีอยู่แห่งเดียวคือ สถานี ฯ ลำปาว มีพื้นที่ประมาณ ๑,๕๐๐ ไร่ อยู่ในเขตอำเภอเมืองกาฬสินธุ์
  24. ป่าชุมชน คือ กิจการของป่าที่ประชาชนมีส่วนร่วม เป็นแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ อีกรูปแบบหนึ่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ มีป่าชุมชนอยู่ ๑๕ หมู่บ้าน เช่น ป่าชุมชนบ้านหนองผ้าอ้อม และป่าชุมชนบ้านสูงเนิน เป็นต้น
                                                              

เทศกาลและงานประเพณี







      งานมหกรรมโปงลาง แพรวาและงานกาชาด

            

 งานมหกรรมโปงลาง แพรวาและงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นงานประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่จัดเป็นประจำทุกปี เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศต่างให้ความสนใจกับงานเทศกาลนี้ โดยในแต่ละปีจะเดินทางมาเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองเลื่องชื่อของจังหวัดไปปีละเป็นจำนวนมาก เป็นการส่งเสริมรายได้อุตสาหกรรมท้องถิ่นอีกทางหนึ่งด้วย วัตถุประสงค์หลักของงานนี้มุ่งเผยแพร่ ฟื้นฟู อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนเผยแพร่ความรู้ด้านเทคโนโลยีและผลงานของส่วนราชการทั้งภาครัฐและเอกชนของจังหวัด แก่ประชาชนผู้สนใจทั่วไป จุดเน้นสำคัญของงานคือขบวนแห่ในพิธีเปิดงานที่มโหฬารที่แสดงให้เห็นถึง ประเพณีศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สร้างขึ้นจากคำขวัญของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ว่า "โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรม ผู้ไทย ผ้า
ไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี" ที่แสดงถึงความรักสามัคคี ความพร้อมเพรียง การรวมใจเป็นหนึ่งของผู้คนที่จะช่วยกันจรรโลง เชิดชูเกียรติ ชื่อเสียง และเอกลักษณ์ของเมืองกาฬสินธุ์ให้เป็นที่รู้จักสืบไป
          โปงลาง ถือได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งนี้เพราะโปงลางได้เปลี่ยนสภาพจากขอลอหรือเกราะลอ มาเป็นเครื่องดนตรีธรรมชาติประเภทเครื่องตีไม้ โดยปราชญ์ชาวบ้านของจังหวัดกาฬสินธุ์คือ นายเปลื้อง ฉายรัศมี ได้พัฒนาจนกลายมาเป็นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่ง บรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานชิ้นอื่น ๆ จนเกิดเป็นวงดนตรีโปงลาง มีการคิดท่าฟ้อนประกอบลายโปงลางรวมทั้งการแสดงต่าง ๆ ที่ดัดแปลงมาจากวิถีชีวิตธรรมชาติของคนชนบทอีสาน จนเป็นที่รู้จักและยอมรับกันโดยทั่วไป
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๓ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงโปงลางที่วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ ทรงร่วมวงโปงลาง บรรเลงลายเต้ยโขงและลายลมพัดพร้าว ที่พลิ้วหวานจับใจ จังหวัดกาฬสินธุ์จึงถือเอาวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันเริ่มงานมหกรรมโปงลาง แพรวาและกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์สืบต่อกันมา
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดในฐานะผู้รับผิดชอบงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม กำหนดให้มีการประกวดวงดนตรีและการแสดงโปงลาง โดยแบ่งประเภทวงออกเป็น ๓ ระดับ คือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และระดับประชาชน โดยจัดให้มีการประกวดในช่วงเวลาของงานเทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่นี้คือ งานมหกรรมประกวดดนตรีโปงลาง งานเทศกาลผ้าไหมแพรวา ที่เป็นสุดยอดของดีเอกลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ อีกทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการประกวดดนตรีโปงลางระดับประชาชน ถ้วยรางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษา พระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี และถ้วยรางวัลชนะเลิศระดับประถมศึกษาจากเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จากปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นต้นมา นับว่าเป็นปีทองของดนตรี
โปงลางของจังหวัดกาฬสินธุ์เพราะดนตรีโปงลางของจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดและประเทศไทย โดยได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดดนตรีพื้นเมืองนานาชาติ ระดับมัธยมศึกษา ครั้งที่ ๑ ณ ประเทศตุรกี จนเป็นผลให้การแสดงดนตรีโปงลางของจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป

               

          งานมหกรรมวิจิตรแพรวาราชินีแห่งไหม  


งานมหกรรมวิจิตรแพรวาราชินีแห่งไหม จัดขึ้นประมาณวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี ณ โรงแรมริมปาว เพื่อเป็นการเทอดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงโปรดเกล้าฯ สนับสนุนส่งเสริมและรับงานการทอผ้าไหมแพรวาของชาวผู้ไทยเข้าไว้ในโครงการศิลปาชีพในพระบรมราชินูปถัมภ์ จนทำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วไป ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวผู้ไทยอีกด้วย




 งานประเพณีบรวงสรวงเจ้าปู่
             เมื่อปีพุทธศักราช 2462 ได้มีคาราวานอพยพประชาชน มาจากอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม โดยการนำของนายพรม วงค์ชารี และนายจารย์ทัน อุปจันโท อพยพมาจาก อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เคลื่อนย้ายมาร่วมกันก่อตั้งที่อยู่อาศัย ซึ่งได้สถานที่ตั้งบริเวณป่ากุงเป็นชัยภูมิที่ตั้ง หมู่บ้าน เป็นภูมิศาสตร์ที่มีลำหนองแสนล้อมรอบ เหมาะสำหรับการก่อตั้งถิ่นที่อยู่อาศัยและพ้นที่ทำการเกษตรบริเวณที่ตั้ง หนองกุงศรีมีหนองน้ำและป่ากุงล้อมรอบชาวบ้านจึงเรียกว่า เรียกว่า และต่อมาในหมู่บ้านหนองกุงได้จัดการประกวดนางงามประจำหมู่บ้าน และคนที่ได้ตำแหน่งคือ นางสาวบุญสี จึงได้จัดตั้งชื่อหมู่บ้านว่าบ้านหนองกุงศรี ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กจำนวน 15 ครัวเรือน ขึ้นตรงกับอำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ประกาศตั้งเป็น กิ่งอำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2516 และต่อมาได้มีการจัดตั้งศาลเจ้ากุงศรีขึ้น ต่อมาได้มีการจัดงานบวงสรวงเจ้าปู่กุงศรีร่มของดีถิ่นดงมูล ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เป็นต้นมา โดยมีนายวรวิทย์ เดชบุรัมย์ วัฒนธรรมอำเภอหนองกุงศรีและคณะกรรมสภาวัฒนธรรมอำเภอหนองกุงศรี เป็นผู้คิดริเริ่มการจัดงาน งานประเพณีบวงสรวงเจ้าปู่กุงศรี และในวันแรกของงาน และในงานมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์โอท๊อป การประกวดธิดาหนองกุงศรี ร้องเพลง ฯลฯ และมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรักษาซึ่งวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม


   งานประเพณีบุญบั่งไฟล้าน(อำเภอท่าคันโท)

           ประเพณีบุญบั้งไฟ บุญบั้งไฟ เป็นหนึ่งในฮีตสิบสองเดือนของชาวอีสาน นิยมทำกันในเดือน 6 หรือเดือน 7 อันเป็นช่วงฤดูฝนเข้าสู่การทำนา ตกกล้า หว่าน ไถ เพื่อเป็นการบูชาแถนขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เหมือนกับการแห่นางแมวของคนภาคกลาง ในสองพิธีกรรมที่อยู่คนละภาคนี้ มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของสัญลักษณ์ที่ใช้อันส่อไปทางเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ไม้มาแกะสลักเป็นอวัยวะเพศชายเรียกว่า "บักแบ้น" หรือ "ปลัดขิก" ในอีสานหรือ "ขุนเพ็ด" ในภาคกลางเข้าร่วมขบวนแห่ ทั้งยังมีการร้องเซิ้งด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศและเพศสัมพันธ์ สัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายของความสัมพันธ์ระหว่าง ฟ้ากับดิน หญิงกับชาย ที่เป็นพลังก่อกำเนิดชีวิต และเป็นพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงมีความสัมพันธ์กับการขอฝน ซึ่งเป็นที่มาของพลังแห่งการเติบโตของพืช และด้วยเหตุที่อวัยวะเพศ และเพศสัมพันธ์เป็นสัญลักษณ์สำคัญของงานบุญ จึงถือว่างานบุญบั้งไฟเป็น งานบุญของพระยามาร ซึ่งจัดแข่งกับงานบุญของพระพุทธเจ้า บุญบั้งไฟมีตำนานเล่าขานมานาน จากนิทานพื้นบ้านเรื่องผาแดงนางไอ่ เรื่องพระยาคันคาก ล้วนแต่กล่าวถึงการจุดบั้งไฟเพื่อให้แถน (เทวดา) ได้บันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาล ถือเป็นประเพณีอันสำคัญที่จะละเลยมิได้ เพราะมีความเชื่อว่า หากหมู่บ้านใดไม่จัดงานบุญบั้งไฟก็อาจจะก่อให้เกิดภัยภิบัติแก่ผู้คนในชุมชน งานบุญบั้งไฟเป็นงานใหญ่ ลงทุนสูง การจัดงานจะต้องเป็นไปตามการตัดสินใจของชุมชน หากปีใดเศรษฐกิจในชุมชนฝืดเคืองอาจจะต้องงดจัดงาน ซึ่งต้องไปทำพิธีขอเลื่อนการจัดที่ศาลปู่ตา (ศาลผีบรรพบุรุษหรือเทพารักษ์) ของหมู่บ้าน ความจริงแม้จะจัดหรือไม่ก็ต้องมีการไปกระทำพิธีเซ่นไหว้ที่ศาลปู่ตาอยู่ดี

ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม



                            งานนมัสการพระธาตุยาคู 

         พระธาตุยาคู เดิมเรียกว่า "พระธาตุใหญ่" เป็นพระสถูปสมัยทวารดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 เจดีย์ได้เก่าทรุดโทรมปรักหักพังไปตามกาลเวลาเพราะขาดการทะนุบำรุง ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้สร้างเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ก่ออิฐถือปูนซ้อนทับฐานเดิม และในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้มีการสร้างต่อเติมส่วนยอดให้สูงขึ้นอีก จนกระทั่งถึง พ.ศ. 2510-2522 กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งและบูรณะเจดีย์องค์นี้ รวมทั้งได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถาน
        พระธาตุยาคู ตั้งอยู่ที่กลางทุ่งนา ทางทิศเหนือของบ้านเสนา อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ห่างจากกาฬสินธุ์ประมาณ 19 กิโลเมตร
เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง (เมืองโบราณ สมัยขอม ปัจจุบันเหลือแต่ซากอิฐปูนดิน) ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระธาตุที่บรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ จึงเรียกกันว่า พระธาตุยาคู ("ญาคู" ภาษาอีสาน หมายถึง พระสงฆ์ ผู้ใหญ่ในวัด) และเนื่องด้วยเป็นสถานที่แห่งเดียวในเมืองฟ้าแดดที่ไม่ถูกทำลายโดยเมืองเชียงโสมซึ่งเป็นฝ่ายชนะสงคราม จึงนับเป็นโบรารณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
มีหลักฐานว่าแต่ละส่วนของพระธาตุถูกสร้างขึ้นใน 3 สมัย โดยส่วนฐานรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นส่วนฐานทรงแปดเหลี่ยมสร้างในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างต่อเติมในสมัยรัตนโกสินทร์ รอบๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ
ในเดือนพฤษภาคมของทุกปี ชาวบ้านจะจัดให้มีงานประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อเป็นการขอฝนและนำความร่มเย็นมาสู่หมู่บ้าน

บุญคูณคาน
          

            ประเพณีบุณคูณลานเป็นวัฒนธรรม น้อมรำลึกถึงพระคุณของพระแม่โพสพ หรือบุญคุณของข้าวที่มีต่อมนุษย์ และเพื่อความเป็นสิริมงคลของเกษตรกร
           บุญคูณลาน เป็นประเพณีชาวไทอีสานที่ได้สืบทอดกันมา เป็นการทำบุญขวัญข้าวที่นวดเสร็จแล้วและกองไว้ในลานข้าว โดยมักจะทำในเดือนยี่ เหตุที่มีการทำบุญนี้เนื่องจากผู้ใดที่ทำนาได้ข้าวมาก ๆ ก่อนหาบหรือขนข้าวมาใส่ยุ้งฉางก็อยากทำบุญกุศลเพื่อเป็นสิริมงคลให้เพิ่มความมั่งมีศรีสุขแก่ตน และครอบครัวสืบไป